หนูนาหิมาลัย HIMALAYAN FIELD RAT

หนูนาหิมาลัย HIMALAYAN FIELD RAT 

  • ชื่อสามัญ : Himalayan field rat
  • ชื่อวิทยาศาสตร์ : Rattus nitidus
  • Family : Muridae
  • Order : Rodentia

 

ลักษณะทางสัณฐานวิทยาและชีววิทยา

ลักษณะทั่วไป :เป็นหนูขนาดกลาง มีลักษณะคล้ายกับหนูนอร์เวย์ (R. norvegicus) มีความยาวหัวและลำตัวประมาณ 16-18 cm. หางยาว 13.5-20.6 cm. มีลักษณะลำตัวสีน้ำตาลและมีสีขาวแทรกบางส่วน ใต้ท้องมีขนสีเทา หนูชนิดนี้มีขนนุ่ม ใบหูใหญ่ เท้าหลังมีความยาว 3.2-3.6 cm. และเรียวมีสีขาว

 

หนูนาหิมาลัยมีการเจริญเติบโตทั้งหมด 3 ระยะ ประกอบด้วย

  •   ระยะตั้งครรภ์ (Gestation) : ออกลูกได้ 1-3 ครอก/ปี ครอกละประมาณ 8 ตัว มีระยะเวลา 21-26 วัน
  •   หย่านม (Weaning) : มีระยะเวลาประมาณ 25-30 วัน
  •   ระยะตัวเต็มวัย (Adult) : มีอายุขัยประมาณ 13-15 เดือน

พฤติกรรม : ฤดูผสมพันธุ์อยู่ในช่วงเดือนมีนาคม-พฤศจิกายน ตื่นตัวทั้งกลางวันและกลางคืน ว่ายน้ำได้ดี ปีนป่ายได้หากจำเป็น

แหล่งอาศัย : ปกติแล้วรังจะถูกสร้างขึ้นใกล้พื้นที่เกษตรกรรม แต่จะขุดโพรงในพื้นที่ที่ไม่มีมนุษย์อาศัยอยู่อยู่ตามป่าไม้ หรือใกล้แหล่งน้ำ และเปลี่ยนที่อยู่อาศัยตามความสมบูรณ์ของแหล่งอาหาร

แหล่งอาหาร : กินพืช อาหารสัตว์ และพืชผลหลายอย่าง เช่น ข้าว ข้าวสาลี ข้าวโพด และมันฝรั่ง เป็นศัตรูพืชทางการเกษตรที่สำคัญ

การแพร่กระจาย : มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แพร่กระจายไปยังอินเดียตอนเหนือ ภูฏาน เนปาล และบังคลาเทศ จีน เมียนมาร์ ไทย ลาว เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย

 

การนำโรคที่เกิดจากสัตว์ฟันแทะจำพวกหนู 

  • โรคฉี่หนู (Leptospirosisเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Leptospiraที่สะสมอยู่บริเวณท่อไตของหนู การแพร่เชื้อสู่คนเกิดจากการสัมผัสปัสสาวะหรือสารคัดหลั่งของสัตว์ที่ติดเชื้อ หรือสัมผัสกับน้ำหรือดินที่ปนเปื้อนปัสสาวะของสัตว์ที่ติดเชื้อ
  • โรคไข้หนูกัด : เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Streptobacillus moniliformesซึ่งอยู่ในช่องปาก จมูก ทางเดินหายใจส่วนต้นของสัตว์ฟันแทะจำพวกหนู โดยจะแพร่สู่คนโดยการกัดหรือข่วน เชื้อโรคจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล
  • โรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (LCMV) : เกิดจากการติดเชื้อไวรัส Lymphocytic choriomeningitis virus (LCMVมักเกิดจากการสัมผัสกับอุจจาระ ปัสสาวะ หรือน้ำลายของหนูที่ติดเชื้อ
  • โรค Hantavirus : เกิดจาก Hantavirus ที่ปนเปื้อนมากับอุจจาระ ปัสสาวะ และสารคัดหลั่งจากสัตว์ฟันแทะ หรือจากการกัด รับเชื้อผ่านทางผิวหนังที่มีบาดแผล รวมถึงกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ
  • โรค Q fever เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย Coxiella burnetii คนมักติดโรคจากการหายใจเอาฝุ่นละอองที่ปนเปื้อนเชื้อ หรือจากการสัมผัสโดยตรงกับสัตว์ที่ติดเชื้อ
  • โรคติดเชื้อในทางเดินอาหาร : เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียที่ปนเปื้อนอยู่ในมูล ปัสสาวะ หรือสารคัดหลั่งของหนู โดยจะได้รับเชื้อจากการกินอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อ อาทิเช่น Salmonellosis, Campylobacteriosis,Cryptosporidiosis เป็นต้น
  • นอกจากนี้ยังมีโรคที่เกิดจากเห็บ หมัด และไรที่อยู่บนตัวหนู ได้แก่ โรคไข้กระตาย (Tularemia),กาฬโรค, โรคไข้กลับซ้ำ, โรคไข้รากสาดใหญ่

 

เอกสารอ้างอิง

Aplin, K.; Lunde, D.; Molur, S. (2008). "Rattus nitidus". IUCN Red List of Threatened Species. 2008: e.T19352A8866576. doi:10.2305/IUCN.UK.2008.RLTS.T19352A8866576.en

Rattus nitidus (Hodgson, 1845) in GBIF Secretariat (2021). GBIF Backbone Taxonomy. Checklist dataset https://doi.org/10.15468/39omei accessed via GBIF.org on 2022-08-24

"Himalayan field rat". Encyclopædia Britannica. Retrieved 13 November 2015.

Francis, Charles M.; Barrett, Priscilla (2008). A Field Guide to the Mammals of South-East Asia. New Holland Publishers. pp. 158, 350.

Centers for Disease Control and Prevention. 2014. Lymphocytic Choriomeningitis (LCM). Accessed on August 29, 2022, From https://www.cdc.gov/vhf/lcm/index.html

NSW Health. 2021. Staying healthy during a mouse plague. Accessed on August 29, 2022, From https://www.health.nsw.gov.au/environment/factsheets/Pages/mouse-plague.aspx 

Center of Emerging and Re-emerging Infectious Diseases in Animals, Faculty of Veterinary Science Chulalongkorn University. (n.d.). Q fever. Accessed on August 29, 2022, From http://www.eidas.vet.chula.ac.th/node/382

Center of Emerging and Re-emerging Infectious Diseases in Animals, Faculty of Veterinary Science Chulalongkorn University. (n.d.). Hantavirus. Accessed on August 29, 2022, Fromchrome-extension://efaidnbmnnnibpcajpcglclefindmkaj/https://www.cfsph.iastate.edu/FastFacts/th/hantavirus.pdf